วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ดอกไม้ประจำฤดู

 

ดอกไม้ประจำฤดู



ประเทศไทยเรานั้นมีทั้งหมด ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว ซึ่งในแต่ละฤดูนั้นจะมีดอกไม้ที่สวยงามมีเอกลักษณ์และลักษณะเด่นที่แตกต่างกันไป โดยประเทศไทยเป็นปประเทศที่มีความอุดมสมบูรณ์จึงทำให้ดอกไม้ในประเทศไทยมีความสวยงามไม่แพ้ประเทศอื่นๆ


ฤดูร้อน 
ดอกไม้ในฤดูร้อน มีดังนี้




ดอกมะเขือ

          ดอกมะเขือ เป็นสิ่งที่ใช้ในพิธีไหว้ครู เป็นสัญลักษณ์ของความเคารพ ความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยธรรมชาติของต้นมะเขือเมื่อมีดอก ซึ่งดอกที่จะให้ผลมะเขือได้ต้องโค้งลง เหมือนผู้อยู่ในอาการแสดงความเคารพ หรือคารวะบุคคลที่ตนเคารพบูชา ยกย่อง ถ้าดอกมะเขือดอกใดชี้ดอกขึ้นเหมือนดอกไม้ชนิดอื่น ดอกนั้นจะไม่ให้ผล เพราะจะเน่าร่วงหล่นไป เหมือนบุคคลที่ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน ขาดความเคารพก็จะหมดโอกาสที่จะได้รับการถ่ายทอดความรู้จากครู





ดอกบานชื่น
            ไม้ดอกอายุหลายปีพุ่มสูง 0.45 - 1 เมตร ลำต้นตรงสีเขียวอมเหลืองหรือม่วงมีขนสีขาวเส้นยาวอ่อนนุ่มแนบผิวลำต้น ใบรูปใบหอกหรือไข่แกมขอบหนามปลายแหลม โคนมน ผิวใบมีขนหยาบ ก้านใบสั้น ดอกออกเป็นช่อกระจุก มีทั้งดอกชั้นเดียวและดอกซ้อน ขนาด 4 - 10 เซรติเมตร กลีบดอกวงนอกรูปขอบหนาม สีขาวนวล เหลือง ชมพู ส้ม ม่วง แดง และสองสีในดอกเดียวกันกลีบดอกวงในรูปหลอด สีเหลือง ดอกมีรูปทรงและการเรียงกลีบดอกหลายแบบ เมล็ดขนาดใหญ่ 100 - 200 เมล็ด



ดอกฟักทอง

           ฟักทองเป็นพืชผสมข้ามต้นตามธรรมชาติโดยอาศัยลมและแมลง ดอกแสดงแยกเพศผู้และเพศเมีย เป็นพืชล้มลุกปีเดียว ลำต้นเป็นเถาเลื้อยยาว 3 –6 เมตร ที่ข้อปลายหนวดแยก 3 – 4 แฉก ลำต้นอ่อนมักเป็น 5 เหลี่ยมหรือกลม ใบมีขนคายมืออยู่ทั่วไป เนื้อใบนิ่ม มีรูปร่าง5 – 7 เหลี่ยม หรือรูปร่างเกือบกลม ริมใบมีหยักเว้าลึก 5 – 7 หยัก ใบกว้าง 10 –20 เซนติเมตร ยาว 15 – 30 เซนติเมตร ผลมีรูปร่างและขนาดแตกต่างกันตามพันธุ์ อาจมีรูปร่างตั้งแต่กลมจนถึงค่อนข้างแป้น ผิวผลมักเป็นตุ่มนูนและหยักเป็นร่อง เนื้อในผลมีสีเหลืองจนถึงสีเหลืองอมส้ม เหลืองอมเขียว เมล็ดมีจำนวนมาก รูปร่างคล้ายรูปไข่แบน


วิธีดูแลต้นไม้ในหน้าร้อน


           1. การรดน้ำ ควรรดในตอนเช้าหรือเย็น ช่วงที่อากาศไม่ร้อนจนเกินไป ซึ่งเวลาที่เหมาะสม คือ 6.00 - 8.00 น. และ 17.00 ถึง 21.00 น. ไม่ควรรดน้ำในตอนกลางวันที่แดดจัด เพราะเปรียบเสมือน การเอาน้ำร้อนมารดต้นไม้นั่นเอง อาจรดวันละครั้งในปริมาณที่มากกว่าปกติ หรือรดวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น


          วิธีรด คือ ควรรดรอบโคนต้นไม้ให้ชุ่มและรดพุ่มใบ ด้วยเพื่อให้ใบพืชซึมซับน้ำ เข้าทาง ปากใบ และลดการคายน้ำ หลังรดน้ำสายยางควรม้วนเก็บให้เรียบร้อย ไม่ควรวางทับสนามหญ้า เพราะนอกจาก จะดูไม่เรียบร้อย น้ำที่ค้างอยู่ในสายยางที่ตากแดดจัดจะร้อนทำให้หญ้าตายได้

          2. การใส่ปุ๋ย พยายาม อย่าให้เม็ดปุ๋ยติดค้างอยู่ที่ใบและยอด เพราะจะทำให้เกิดอาการใบไหม้ได้ หรือใส่ก่อนรดน้ำ สำหรับการใส่ปุ๋ยทางใบและฉีดยาฆ่าแมลง ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่อากาศร้อนจัด จะทำให้ใบไหม้และไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ เพราะในช่วงที่อากาศร้อน ปากใบพืชจะปิดเพื่อลดการคายน้ำ การใส่ปุ๋ยไม่ควรใส่บ่อยเกินไปถ้าไม่จำเป็น จะเป็นการเร่งการแตกใบใหม่ ซึ่งใบอ่อนจะไม่ทน กับอากาศ และแสงแดดที่ร้อนจัด

          3. การพรวนดินให้ร่วนซุยเป็นประจำ จะ ทำให้ดินโปร่ง มีช่องว่างในเนื้อดินดูดซับน้ำไว้ได้มาก ทำให้น้ำซึมซับลงในดินในระดับที่ลึกกว่าปกติ ถ้าดินแห้งเกินไปอาจใช้วัสดุปลูกมาคลุมแปลงหรือโคนต้น ช่วยดูดซับน้ำ เช่น กาบมะพร้าวสับหรือหญ้าที่แห้งและปราศจากเชื้อโรคและวัชพืช

          4. ควรมีการตัดแต่งกิ่ง กระโดง กิ่งเป็นโรค และกิ่งที่ไม่มีความจำเป็น เพื่อลดการคายน้ำของพืช


          ฤดูหนาว

        ดอกไม้ในฤดูหนาว มีดังนี้





ดอกกุหลาบ

เป็นดอกไม้เมืองหนาวของไทย ไม้ประดับที่มีความสวยงามเป็นที่นิยมปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับกันอย่างกว้าง ขวาง กุหลาบมีมากมายหลายพันธุ์ มีทั้งชนิดที่มีกลิ่นหอม และชนิดที่ไม่มีกลิ่น ภาพชุดนี้ได้รวบรวมกุหลาบชนิดต่างๆ มาให้ชม บางชนิดอาจจะคุ้นตา แต่บางชนิดไม่ค่อยมีให้เห็น ภาพชุดนี้เป็น ดอกไม้เมืองหนาวของไทย กุหลาบเมืองเหนือ จากสถานีเกษตรดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นแหล่งรวมรวบกุหลาบหลากสายพันธุ์

                                                                     
                                                                      

                                                  
ดอกรักเร่


ดอกวงนอกรูป รางน้ำ ชั้นเดียวหรือหลายชั้น ดอกวงในเป็นหลอดปลายจัก 5 แฉกผลแบนนิเวศวิทยา - ถิ่นกำเหนิด เม็กซิโกออกดอก -ตลอดปีขยายพันธุ์ - เมล็ด หัวใต้ดินประโยชน์ - หัวใต้ดิน ต้มกับหมูรับประทานแก้โรคหัวใจ แก้ไข้ต้น น้ำคั้นจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ ฆ่าเชื้อ Staphylococcusใบ บางทีมีพิษ ดอกรักเร่จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรีรักเร่ เป็นดอกไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก โคลัมเบีย และทั่วไปในทวีปอเมริกากลาง ดอกมีรูปทรงและสีสันสวยงาม ก้านดอกแข็งแรง นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอกเช่นเดียวกับกุหลาบ แต่ในประเทศไทยไม่นิยมปลูกเพราะชื่อไม่เป็นมงคลนั่นเอง ในอเมริกามีคดีฆาตกรรมชื่อดังที่ยังเป็นปริศนามาถึงทุกวันนี้ชื่อว่าBlack Dahlia
     

                                                                      

ดอกทิวลิป

            ทิวลิปจะเป็นดอกไม้ที่ทำให้นึกถึงฮอลแลนด์ แต่ทั้งดอกไม้และชื่อมีที่มาจากจักรวรรดิเปอร์เชีย ทิวลิปหรือ“lale” (จากเปอร์เชีย “lâleh”) เช่นเดียวกับที่เรียกกันในตุรกี เป็นดอกไม้ท้องถิ่นของตุรกี, อิหร่าน, อัฟกานิสถาน และบางส่วนของเอเชียกลาง แม้ว่าจะไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้นำทิวลิปเข้ามาทางตะวันตกเฉียงเหนือของยุโรปแต่ที่สำคัญคือตุรกีเป็นผู้ทำให้ทิวลิปมีชื่อเสียงที่นั่น เรื่องที่เป็นที่ยอมรับกันก็คือ OghierGhislain de Busbecq


วิธีการดูแลต้นไม้หน้าหนาว

             เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว สวนของใครที่เต็มไปด้วยไม้ดอก ก็คงมีความสุข เพราะ ไม้ดอกส่วนใหญ่มักจะเจริญเติบโตได้ดี เนื่องจากอากาศที่เย็นจะทำให้อัตราการแตกดอกสูงขึ้น แต่เนื่องจากฤดูหนาว อากาศจะแห้ง ความชื้นในอากาศจะลดต่ำลง สวนที่เป็นไม้เขตร้อน มักจะเข้าสู่ระยะพักตัว มีการผลัดใบ เพื่อลดการคลายน้ำ ให้น้อยลง ดังนั้นหากสวนของใครเต็มไปด้วยไม้เมืองร้อน ฤดูหนาวคงเป็นช่วงเวลาที่สวนของใครหลายๆ คนไม่น่าดูเท่าไหร่นัก วันนี้ฉันจึงนำวิธีการดูแลรักษาต้นไม้ในหน้าหนาวมาฝากกันค่ะ

             หัวใจสำคัญของการดูแลต้นไม้หน้าหนาวก็คือ การรักษาความชุ่มชื้นให้กับต้นไม้ หาวัสดุอย่างเช่น ฟางข้าว หรือเปลือกถั่ว มาคลุมหรือโรยบริเวณโคนต้นไม้ หรือแปลงปลูก เพื่อเก็บรักษาความชื้นในดิน

             ทำการรดน้ำให้ถี่ขึ้น แต่อย่าใช้วิธีปล่อยน้ำแช่ตลอดเวลา เพราะดินจะแฉะจนเกินไป ควรปล่อยให้พื้นดินแห้งบ้าง เพื่ออากาศสามารถลงแทรกไปในดินได้บ้าง เพื่อให้รากสามารถได้รับอากาศด้วย นอกจากนี้ การรอน้ำต้นไม้ด้วยสปริงเกิล ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่ง นอกเหนือจากจะเป็นการรดน้ำตามปกติ ยังเป็นการเพิ่มความชื้นในอากาศได้ด้วย

             การตัดแต่งกิ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยให้ต้นไม้ลดการคลายน้ำลงได้ และช่วยลดภาระให้ต้นไม้ไม่ต้องลำเลียงอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากนัก โดยเลือกตัดแต่งกิ่งที่ไม่ได้รูปทรงเพื่อให้ได้ทรงพุ่มตามต้องการ กิ่งที่ผุ หรือแห้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่เกิดจากกิ่งไม้หล่น เนื่องจากลมที่พัดแรงในหน้าหนาว

             สำหรับในเรื่องของการให้ปุ๋ยแก่ต้นไม้ในช่วงฤดูหนาว จะต้องให้ปุ๋ยด้วยความระมัดระวัง การให้ปุ๋ยจะแตกต่างจากการให้ปุ๋ยในช่วงฤดูฝนซึ่งสามารถให้ปุ๋ยได้บ่อยครั้ง แต่เนื่องจากอากาศที่เย็นจะทำให้ปุ๋ยแตกตัวได้น้อยลง จึงทำให้ปุ๋ยมีโอกาสตกค้างในดินเป็นปริมาณมาก มีโอกาสที่จะทำให้ดินเค็ม ดังนั้นเมื่อทำการให้ปุ๋ยควรจะทำการรดน้ำด้วยปริมาณที่มากกว่าเดิม หรือลดปริมาณปุ๋ยเคมีลงและหันไปใช้ปุ๋ยอินทรีย์แทน

            

           ฤดูฝน

         ดอกไม้ฤดูฝน มีดังนี้





ดอกหน้าวัว

              หน้าวัวเป็นไม้อายุหลายปี อวบน้ำลำต้นตรง โดยจะมีการแตกหน่อเลื้อยมีการเจริญยอดเดียว เมื่อยอดเจริญสูงขึ้นอาจพบรากบริเวณลำต้น โดยจะแตกเมือมีความชื้นเพียงพอ เนื่องจากเป็นพืชระบบรากอากาศสามารถดูดน้ำและความชื้นจากอากาศได้ดี



ดอกลีลาวดี (ลั่นทม)

            ลั่นทม เป็นไม้ดอกยืนต้นในสกุล Plumeria มีหลายชนิดด้วยกัน บางคนมีความเชื่อว่า ไม่ควรปลูกต้นลั่นทมในบ้าน เนื่องจากมีชื่อเป็นอัปมงคล คือไปพ้องกับคำว่า 'ระทม' ซึ่งแปลว่า เศร้าโศก ทุกข์ใจ แต่ปัจจุบันนิยมเรียกชื่อใหม่ ว่า ลีลาวดี และนิยมปลูกกันแพร่หลายอย่างมาก ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ ได้แก่ จำปา, จำปาลาว และจำปาขอม เป็นต้น (สำหรับชื่อภาษาอังกกฤษ ได้แก่  Frangipani, Plumeria, Templetree)

            ลั่นทม เป็นไม้ที่นำมาจากเขมร ทางภาคใต้ เรียกชื่อว่า "ต้นขอม" "ดอกอม" ส่วนใหญ่ที่ปลูกกันเป็น"ลั่นทมขาว" เล่ากันว่า ไม้นี้นำเข้ามาปลูกในไทย เมื่อคราวไปตีนครธม ได้ชัยชนะ นำต้นไม้นี้เข้ามาปลูก และเรียกชื่อเป็นที่ระลึกว่า "ลั่นธม" "ลั่น" แปลว่ ตี เช่น ลั่นฆ้อง ลั่นกลอง "ธม" หมายถึง"นครธม" ภายหลัง "ลั่นธม" เพี้ยนเป็น "ลั่นทม"




ดอกกระเจียว

            ถือเป็นไฮไลต์ท่องเที่ยวช่วงฤดูฝนแห้งแล้งจะกลับคืนสู่ความเขียวขจีและแต่งแต้มด้วยความ สดใส ของกระเจียวที่ผิดอกสีชมพูเต็มทุ่งหญ้ากว้าง ด้วยความงดงามตระการตาของดอกสีชมพูอมม่วงขึ้นเต็มไป ทั่วผืนป่า ตัดกับพื้นสีเขียวขจีของหญ้าเพ็ก และโขดหินธรรมชาติ อีกทั้งรูปลักษณ์สวยงาม วิจิตรพิสดารทำให้เป็น ทุ่งดอกกระเจียวในอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม เป็นทุ่งดอกกระเจียวที่ใหญ่ที่สุด และงดงามที่สุดในประเทศไทย ดอกกระเจียวจะพากันบานอยู่


วิธีการดูแลดอกไม้ฤดูหน้าฝน

                ทันทีที่พูดถึงหน้าฝน หลายคนอาจจะกำลังจินตนาการถึงการนอนอย่างเป็นสุขบนเตียงนอน ในขณะที่หลายคนส่ายหน้าอย่างแสนจะเบื่อหน่ายให้กับการตกอย่างไม่รู้เวล่ำเวลาของฝน เพราะการที่ฝนตกก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ถูกขังอย่างไม่มีทางออก หากกล้าหาญที่จะเดินออกไปนอกบ้านก็คงไม่พ้นที่จะต้องเปียกอย่างแน่นอน ต้นไม้เองก็เช่นเดียวกัน อาจจะดูเหมือนว่าฤดูฝนน่าจะเป็นฤดูที่ดีที่สุดสำหรับการปลูกต้นไม้ แต่ในความเป็นจริงอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้น ลองมาดูวิธีการดูแลต้นไม้ในหน้าฝนดีกว่า เพื่อให้ต้นไม้แสนสวยอยู่กับเราไปนาน ๆ โดยที่ไม่เหี่ยวเฉาหรือตายเพราะการรับน้ำของฤดูฝนที่มากเกินไป

            1. ตัดแต่งกิ่งเมื่อเข้าหน้าฝนเมื่อฤดูฝนใกล้จะมาเยือน เราควรเตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลด้วยการกำจัดกิ่งไม้ที่อาจหักได้ง่าย เพราะหากปล่อยให้ต้นไม้มีกิ่งก้านที่หนาทึบเกินไป โดยที่ไม่ทำการตัดแต่งเลย อาจจะทำให้กิ่งไม้นั้นหักหล่นลงมาทำลายความเสียหายให้กับทรัพย์สิน บ้านเรือน หรือร่างกายได้ และในกรณีต้นไม้ที่ปลูกใหม่ ต้องไม่ลืมที่จะค้ำพยุงต้นไม้ เพื่อให้ต้นไม้มีแรงพยุงยึดเกาะดิน และไม่โอนเอนไปตามแรงลมจนถึงขั้นล้มหักได้

             2. ป้องกันน้ำท่วมขังเพื่อป้องกันอาการรากเน่าของต้นไม้ นอกจากจะต้องทำเนินดินเพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณโคนต้นไม้แล้ว เรายังต้องทำระบบระบายน้ำจากบริเวณรอบโคนต้นไม้ด้วย เพื่อให้น้ำฝนที่ตกลงมายังต้นไม้ระบายออกให้เร็วที่สุด แต่สำหรับการทำเนินดินนั้นเราต้องระวังไม่ให้ดินที่นำมาปรับเนินนั้นมีปริมาณมากเกินไป เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดผลเสียกับต้นไม้แทน

             3. ฉีดยาป้องกันและกำจัดศัตรูพืชสิ่งที่จะขาดเสียไม่ได้สำหรับการดูแลต้นไม้ คือ การหมั่นดูแลรักษา กำจัดแมลงและศัตรูพืชอื่น ๆ โดยเฉพาะเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้ต้นไม้แสนรักของเรามีสุขภาพที่แย่ลง อีกทั้งวัชพืชนั้นเจริญเติบโตได้ดีในช่วงฤดูฝน หากเราเผลอหรือละเลยก็อาจจะทำให้วัชพืชเหล่านั้นทำให้ต้นไม้อ่อนแอลงและตายในที่สุด

             4. บำรุงต้นไม้อย่างถูกวิธีการดูแลต้นไม้ให้ได้ผลผลิตออกมางอกงามได้อย่างใจเรานั้น ไม่เพียงแต่จะต้องหมั่นรดน้ำ ใส่ปุ๋ยหรือพรวนดินเท่านั้น หากแต่ยังต้องใส่ใจต่อสิ่งที่เราทำให้ต้นไม้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพรวนดินซึ่งเราอาจจะต้องพรวนดินให้ผิวดินแห้งและให้รากไม้ในระดับหน้าดินได้ออกมารับออกซิเจนบ้าง อีกทั้งการใส่ปุ๋ยนั้นไม่ควรใส่มากจนเกินไป และรีบพรวนดินให้ดินกลบปุ๋ยก่อนที่น้ำฝนจะมาชะล้างปุ๋ยไปจนหมด เพราะนั่นไม่เพียงแต่จะเป็นการสิ้นเปลืองค่าปุ๋ยเท่านั้น แต่ยังไม่ทำให้เกิดประโยชน์อันใดกับต้นไม้ด้วย